The Nutrition Talk – บทที่ 7.3 : อาหาร 7 หมู่ (ตอนที่3)

########################
ก็แค่กินให้ครบ 7 หมู่ ง่ายๆ แค่นั้น?
########################

อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนก็คงจะยังคิดเหมือนกับคนส่วนใหญ่ว่า..
ถ้าอย่างนั้น การดูแลสุขภาพด้วยการกินก็คงไม่ใช่เรื่องยาก

เพราะแค่เรากินอาหารในแต่ละวันให้มีครบ 5 หมู่
กินใยอาหาร ดื่มน้ำ แล้วออกกำลังกายและพยายามขับถ่ายให้ปกติ
ก็คงจะเพียงพอแล้ว (แพทย์บางท่านจะแนะนำแค่นี้)

ความเข้าใจดังกล่าวนั้น ถูกต้องเพียงแค่ครึ่งเดียว
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพดีกว่าคะ

หากเรากินแฮมเบอร์กอร์ไก่กับน้ำอัดลม ดูว่าเราได้สารอาหารอะไรบ้าง

มีโปรตีน (เนื้อไก่)
คาร์โบไฮเดรต(ขนมปัง)
ไขมัน(เนื้อไก่และน้ำมันย่าง)
วิตามิน เกลือแร่ ใยอาหาร (แตงกวา มะเขือเทศ)
น้ำ (น้ำอัดลม)

โอ้วววว แบบนี้เมนูเพื่อสุขภาพจริงๆ
ก็เป็นการกินอาหาร 7 หมู่ ดูดีๆ มีครบหมดเลย.. 

แต่การกินแฮมเบอร์เกอร์กับน้ำอัดลมนั้น
ทางการแพทย์เรียกว่า อาหารขยะ

เป็นอาหารที่ล้นไปด้วยคาร์โบไฮเดรต และไขมัน ซึ่งก่อให้เกิดโรคอ้วน
แต่หากขาดวิตามิน เกลือแร่อย่างมาก

รวมถึงอาหารจานด่วน เช่น ข้าวผัดกระเพรากับชาเย็น หรือผัดซีอิ๊วกับโอเลี้ยง 
ก็ดูจะมีสารอาหารทั้ง 7 หมู่ แต่ดูเหมือนจะได้แต่ความอิ่มและอร่อยเท่านั้น

ขอบอกว่า ขาดๆๆๆๆๆ เกือบทุกเมนู 
มีแต่วิญญาณผัก เศษแตงกว่า แต่งบนจานอาหารที่คนเราทานกันทุกวันนี้ โรคภัยถึงได้เยอะแยะ ตาแป๊ะ ในโลกทุกวันนี้ไงละคะ 

ตัวอย่างข้างต้น แม้ว่าเราจะกินอาหารได้เหมือนครบ 7 หมู่ 
แต่เนื่องจากอาหารที่เรากิน จะมีสารอาหารบางหมู่ที่มากเกินความต้องการ แต่กลับยังขาดสารอาหารในบางหมู่ที่สำคัญ

ซึ่งส่วนใหญ่ในปัจจุบัน 
สารอาหารที่คนได้รับเกินคือ หมู่โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน และมักจะขาดในหมู่ วิตามิน เกลือแร่ ใยอาหาร และน้ำ

จึงทำให้ผู้คนในยุคนี้ เป็นโรคความเสื่อมและโรคเรื้อรัง
จากการข้าดสารอาหารบางประเภทมากที่สุดในประวัติศาสตร์ทั้งๆ มีโอกาสที่จะหาอะไรกินได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ในขณะเดียวกัน ก็มีคนดูสุขภาพดี แต่มีภาวะพร่องของสารอาหารบางชนิด
ไปออกกำลังกายหนักเพื้อดูแลสุขภาพ (รวมถึงนักกีฬาอาชีพหลายคนที่เป็นข่าว) กลับเกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลั่นตายคาสนามเนื่องจากขาดสารอาหารในกลุ่ม วิตามินและเกลือแร่ โดยไม่รู้ตัว

 

สรุปให้ง่าย มนุษย์ในยุค 7-11 ครองเมือง

ต้องเพิ่มการทานอาหารประเภท ผักและผลไม้ให้มากขึ้น
และควรจะหลากหลายชนิดด้วย ผักและผลไม้ควรจะทานให้ครบ 5สี อีกด้วย
เพื่อเพิ่มสารอาหารประเภทกลุ่ม วิตามิน และเกลือแร่ ที่มีหลากหลายชนิดให้ครบนั่นเอง

ดูยากป่ะละ..?

แต่ถ้ากินเข้าไปครบได้ตลอด ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดเลย
คนนั้นจะห่างไกลจากโรคเรื้อรัง จะเจ็บป่วยยากขึ้น อายุยืน ผิวพรรณดี
ดูอ่อนกว่าวัย เวลาเจ็บป่วยก็จะหายเร็วกว่า

แต่ถ้าเรากินอาหารชี้ซั้ว ไม่ครบถ้วน ก็จะทำให้ป่วยง่าย หายยาก ตายเฉียบพลัน
อย่างที่หลายๆคนเป็นนั่นเอง

น่ากลัวป่ะละ..?

########################################
ไม่ใช่แค่กินให้ครบ 7หมู่ ต้องหลากหลายและครบถ้วนด้วย
########################################

 

ประเด็นสำคัญที่สุดเกี่ยวกับการกินอาหารเพื่อให้ได้สุขภาพที่ดี
ไม่ได้อยู่ที่การพยายามกินอาหารให้ครบ 7 หมู่เท่านั้น
แต่อยู่ตรงที่การกินอาหารทั้ง 7 หมู่
ในปริมาณที่เพียงพอ เหมาะสมและหลากหลายในทุกๆ หมู่
ซึ่งคำว่าเพียงพอและเหมาะสมุในทุกๆ หมู่นั้น
คือ เราต้องกินสารอาหารหมู่นั้นๆ ให้ครบถ้วนทุกหน่วยย่อย
เช่น กินวิตามิน ประมาณ 13ชนิด และเกลือแร่ ประมาณ 21 ชนิด
ไม่ให้ขาด ควรเพียงพอ และเหมาะสมด้วย
ซึ่งความเข้าใจนี้เอง จะเป็นคำอธิบายว่า
ทำไมบางคนที่กินนมเป็นประจำก็ยังขาดโปรตีนบางประเภท
ทำไมบางคนที่กินผักผลม้เป็นประจำยังขาดวิตามิน เกลือแร่ บางประเภท
แล้วกลายเป็นโรคเรื้อรังในที่สุด
เพราะมีนิสัยกินแต่ผักผลไม้ซ้ำๆ หรือกินแต่ชนิดที่ชอบเท่านั้น
ในส่วนของการกำหนดอาหาร หรือศาสตร์โภชนบำบัด
จึงมาแก้ปัญหาของผู้คนในยุคนี้อย่างตรงจุด
การคำนวนสารอาหาร ให้ครบถ้วนในแต่ละวัน ให้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคเรื้อรังต่างๆ
เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคไขมันสูง โรคความดันสูง โรคมะเร็ง ฯลฯ
ให้ผู้ป่วยฟื้นตัวกลับมาปกติได้ไว หรือถึงทำให้หายได้
ถ้าทำให้ผู้ป่วยเปลี่ยนพฤติกรรมในการกินอาหารได้ถาวร
ในปัจจุบัน คนบางคนก็เสริมส่วนที่ขาดด้วย “อาหารเสริม”
ตลาดของอาหารเสริม จึงเติบโตอย่างมาก
เพราะอาหารเสริมก็ออกมาช่วยอุดช่องว่างของความขาดของมนุษยยุคนี้
มีให้เลือกจนตาลาย มีทั้งดีจริง ไม่ดีจริง เยอะแยะไปหมด

สำหรับก้อยเอง ก็ใช้การกำหนดอาหาร โภชนบำบัด
ร่วมกับการใช้อาหารเสริมคุณภาพสูงกับผู้ป่วย
เนื่องจากการเตรียมอาหารดีๆ ในยุคที่เร่งรีบนี้
ไม่สามารถทำได้ต่อเนื่อง มีค่าใช้จ่ายสูง อย่างเช่น Clean Food ที่กำลังนิยม
หรือจะมานอนโรงพยาบาลให้นักกำหนดอาหารจัดให้กินบนเตียง
อันนี้ ยิ่งมีค่าใช้จ่าย และไม่สะดวกไปกันใหญ่
ถ้าไม่ป่วยจริงจัง ก็ไม่แนะนำหรอกคะ
ดังนั้นการกินอาหารเสริม จึงมีความสะดวก
คือกินได้ด้วยตัวเองจากที่บ้าน ไม่ต้องตระเตรียมเยอะ
แต่ก็ไม่ใช่จะแทนอาหารปกติทั่วไปได้นะคะ
สำหรับท่านใด กินอาหารเสริมอยู่แล้ว แนะนำว่ามาถูกทางแล้วค่ะ
แต่ก็ควรจะตรวจร่างกาย และศึกษาให้รู้ว่าตัวเองขาดอะไร
ไม่ควรเลียนแบบกินอาหารเสริมตามๆ กัน
คนเราขาดสารอาหารไม่ค่อยเหมือนกันตามนิสัยการกินและกรรมพันธุ์
สำหรับก้อย จะเลือกกินหรือใช้อาหารเสริมนั้น จะเลือกอาหารเสริมที่มีคุณภาพสูง
มีผลการวิจัยทางการแพทย์ยืนยัน และรับรองคุณภาพแล้วกับผู้ป่วยเท่านั้นค่ะ
ถ้าจะเขียนสมการหลักการรับสารอาหารจาก 2ศาสตร์นี้ให้เข้าใจง่ายๆ
คุณค่าอาหารปกติ + คุณค่าอาหารเสริม = สุขภาพ

70% + 50% = 120% (ไม่ป่วยง่าย แก่ช้า หน้าเด็ก)
50% + 30% = 80% (สุขภาพเกณฑ์ดี)
30% + 0% = 30% (สุขภาพไม่ค่อยดี)

จบบทนี้แล้ว คงเห็นภาพมากขึ้นนะคะ